เราเหมาะกับงานออนไลน์รูปแบบใด ?

งานออนไลน์มีหลายรูปแบบ และแต่ละคนก็ถนัดแตกต่างกันไป ถ้าคนที่ชอบงานบริการ การติดต่อสื่อสาร ก็จะมีสินค้าเป็นของตัวเอง เหมาะกับประเภท E-Commerce เป็นต้น แล้วการทำงานในรูปแบบออนไลน์มีอะไรบ้าง ผมพอจะสรุปภาพใหญ่ๆได้ดังนี้

1. รูปแบบ E-Commerce มีสินค้าเป็นของตัวเอง

2. นายหน้าออนไลน์ หรือ Affiliate Partner

3. รับจ้างจากการโฆษณา เช่น แบนเนอร์

4. การจำหน่าย Information Product เช่น คอร์สสัมมนาออนไลน์, E-Book

5. การรับงานว่าจ้างต่างๆ เช่นการแปลเอกสาร

6. ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์

online begin

จากรูปแบบทั้ง 6 ประเภท คนส่วนใหญ่ย่อมที่จะคุ้นเคยกับรูปแบบ E-Commerce เช่นการขายเครื่องสำอาง การขายของชำร่วย และอีกมากมาย คนส่วนใหญ่จึงกระโดดลงมาทำงานด้าน E-Commerce ส่วนรูปแบบอื่นๆ จะมีผู้คนรู้จักน้อยลง

เรามาดูกันว่ารูปแบบการทำงานออนไลน์แต่ละอย่างนั้น เราเหมาะกับแบบไหน

1. E-Commerce

ข้อดีของงาน E-Commerce คือ ได้รับผลกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่ต้องการ สามารถที่จะสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง แต่ก็มีข้อด้อยก็คือต้องมีการเก็บสต็อกสินค้า ต้องมีเงินลงทุนที่สูงขึ้นเพื่อซื้อสินค้า ต้องบริการรับข้อร้องเรียน เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น Ebay, Alibaba, Amazon Seller

ถ้าใครที่ไม่รักงานบริการ หรือไม่พร้อมที่จะทำการเก็บสต็อกสินค้า แนวทางนี้จะไม่เหมาะสม

2. นายหน้าออนไลน์ หรือ Affiliate marketing

ข้อดีของงานประเภทนี้จะเป็นการปิดข้อด้อยของรูปแบบ E-Commerce เพราะเราจะไม่มีสินค้าในสต็อก เพียงแต่เราไปทำการสมัครเพื่อรับการอนุมัติกับแหล่งสินค้าเพื่อเป็น Partner ถ้ามีใครก็ตามที่มาซื้อสินค้าผ่าน Link ID ของเรา เราก็จะได้รับค่าคอมมิสชั่น ส่วนการส่งสินค้าและการรับข้อร้องเรียน เป็นหน้าที่ของเว็บไซต์หลักที่เราเป็น Partner ด้วย

ตัวอย่างร้านค้าออนไลน์ที่เปิดรับ Partner เช่น Amazon, Lazada, เป็นต้น

แต่จะมีข้อด้อยในเรื่องของรายได้ ที่ได้ไม่มากนัก ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป ขึ้นกับข้อตกลงของร้านค้าออนไลน์นั้น

ผู้ที่เหมาะสมกับรูปแบบนี้ คือผู้ที่มีทุนน้อย ชอบสร้างบทความ ไม่ชอบงานบริการมากนัก

3. ติดแบนเนอร์โฆษณา

ถ้าเว็บไซต์หรือบล็อกของเราเริ่มมีการเข้าชมมากขึ้น (Traffic) ก็จะเป็นโอกาสอีกช่องทางหนึ่งในการติดป้ายโฆษณา อาจจะมีการจ้างติดป้ายบนหน้าบล็อกของเรา หรือเราสามารถที่จะไปสมัครรับแบนเนอร์จาก Google Adsense ก็ได้

ข้อดีของรูปแบบนี้คือ ถ้ามีจำนวนผู้เยี่ยมชมบล็อกมากๆ จะมีโอกาสสร้างรายได้ที่สูง แต่ข้อด้อยก็คือต้องสร้างบล็อกให้มีผู้เข้าชมจำนวนมาก หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จด้านนี้ มักจะสร้างบล็อกขึ้นมาจำนวนมาก เพื่อปั่นรับค่าโฆษณาจาก Google Adsense

รูปแบบนี้จะคล้ายกับ Affiliate คือต้องเป็นผู้ที่ชอบสร้างบทความ เพื่อให้มีจำนวนผู้เข้าชมมีจำนวนมาก

4. การจำหน่าย Information Product 

ถ้าเราสร้างบล็อกในแบบเฉพาะของตนเอง และทำมานานมากพอจนเริ่มมีบทความจำนวนมาก และสามารถค้นหาบน Search engine ได้ ผมเห็นหลายๆคนจะต่อยอดไปสร้างรายได้จาก Information product อยู่จำนวนมาก และที่สำคัญมีผู้คนรอที่จะซื้อด้วยครับ

ตัวอย่างเช่น การจำหน่าย E-Book, การเปิดคอร์สสอนออนไลน์

รูปแบบของ Information product ตัวผู้ขายเองต้องมีประสบการณ์มากพอสมควรหรือมีความรู้มากกว่าคนทั่วๆไป บางท่านเป็นผู้มีความรู้การสร้างแรงบันดาลใจก็อาจจะเขียน E-Book ออกมาจำหน่าย หรือ สร้างคอร์สออนไลน์ขึ้นมาได้

รูปแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีความสนใจและความรู้พิเศษด้านใดด้านหนึ่ง และเป็นที่สนใจของผู้คนโดยทั่วไป

5. การรับจ้างทำงานต่างๆ

เช่นการแปลเอกสารภาษาต่างๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีการรับจ้างมากมาย รูปแบบนี้เหมาะกับคนที่มีความรู้ด้านเฉพาะทางที่ดีอยู่แล้วเพื่อตอบสนองต่อลูกค้าที่กำลังาแนวทางการแก้ปัญหา ถ้าเรามีความรู้เฉพาะทาง ก็ลองมองหาแนวทางประกาศตัวเองผ่านออนไลน์ เผื่อจะมีงานเข้ามาอย่างมากก็ได้ครับ

6. ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์

ในอดีตธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM มักจะทำงานในลักษณะออฟไลน์ แต่ก็ประสบกับปัญหาคือหาผู้มุ่งหวังได้ยากขึ้น ปัจจุบันจึงได้เห็นธุรกิจเครือข่าย บนโลกออนไลน์มากขึ้น และก็มีหลายๆคนประสบความสำเร็จด้านนี้ ธุรกิจเครือข่ายเหมาะกับคนที่รักงานบริการ สร้างความเชื่อถือ มีคุณธรรม และเมื่อนำมาประกอบกับรูปแบบออนไลน์ จะยิ่งส่งผลให้ได้พบเจอกับผู้มุ่งหวังมากยิ่งขึ้น

 

พิจารณาความเหมาะสมของตนเอง

ลองพิจารณาความเหมาะสมของตัวเราเองนะครับว่า สนใจรูปแบบไหน แต่ถ้าจะให้แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น หัดขับ ไม่รู้เรื่องอะไรกันเลยให้เริ่มจากการสร้างบล็อก และทำการตลาดแบบ Affiliate Marketing จะง่ายและลงทุนน้อยที่สุด เมื่อเราสร้างบทความได้มาก เราก็อาจจะทำการสมัครเพื่อติดป้ายโฆษณากับ Google Adsense ได้อีกช่องทาง หลังจากเราได้ทำไปสักระยะ ผมคิดว่าแต่ละคนจะเริ่มเกิดไอเดียต่อยอดขึ้นอีกมากมาย เช่น มี Blogger ท่านหนึ่ง สร้างบทความเดินทางท่องเที่ยว ใช้เวลาเป็นปีในการสร้างบล็อกส่วนตัว จนสามารถสร้างรายได้จากแบนเนอร์โฆษณาจาก Google Adsense ได้หลายแสนบาทต่อปี นี่คือช่องทางรายได้เพียงทางเดียว แต่บล็อกของเขาสร้างรายได้จากช่องทางอื่นๆด้วย แล้วผมจะมานำเสนอ กรณีศึกษาจากบล็อกของบล็อกเกอร์ท่านนั้นในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ทั้งนั้น งานออนไลน์ทุกรูปแบบ ล้วนต้องอาศัยบทความ ถ้ารักแนวทางการทำงานออนไลน์ เราต้องฝึกการเขียนให้มาก ฝึกเขียนในสิ่งที่เรารัก จะได้ไม่เบื่อหน่ายกันไปซะก่อน และต้องคอยเตือนตัวเองเสมอ อย่าหยุดที่จะทำ การทำงานออนไลน์สายขาว ต้องอดทนสูง แต่ผลลัพธ์ที่ได้มาผมว่ามันคุ้มค่ามาก จากตัวอย่าง Blogger ที่ประสบความสำเร็จ ที่ผมได้แนะนำไปแล้วบางท่าน กว่าจะมาจนถึงวันที่สำเร็จนั้น แต่ละคนผ่านการเริ่มต้นที่หนัก สร้างสรรค์บทความกันมากมาย ช่วงแรกไม่มีรายได้เข้ามาเลย แต่ด้วยความมุ่งมั่นศรัทธา เขาก็มีวันที่สำเร็จกันทุกคน

ให้ทำไปสักระยะ ผมมั่นใจว่าหลายๆคนจะเริ่มเกิดไอเดียขึ้นมาเรื่อยๆโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นจุดยากที่สุดก็คือการเริ่มต้นนั่นเองครับ

ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ